วันที่นำเข้าข้อมูล 7 ก.ย. 2562
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565
การยื่นขอจดทะเบียนสมรสภายใต้กฎหมายไทยที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 มาตรา 1459 บัญญัติว่า การสมรสในต่างประเทศระหว่างคนที่มีสัญชาติไทยด้วยกัน หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสัญชาติไทยสามารถดำเนินการที่สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ไทยในต่างประเทศได้
เอกสารที่ใช้ประกอบการยื่นขอจดทะเบียนสมรส
คู่สมรสฝ่ายไทย
1. บัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทางหรือบัตรข้าราชการ
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. หนังสือให้ความยินยอม (กรณีผู้ร้องยังไม่บรรลุนิติภาวะและผู้มีอำนาจให้ความยินยอมไม่ได้มาด้วย)
4. ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (กรณีเคยเปลี่ยนชื่อ-สกุล)
5. สูติบัตรหรือทะเบียนบ้านของบุตร (กรณีมีบุตรด้วยกันมาก่อน)
6. ใบสำคัญการหย่า (กรณีเคยจดทะเบียนสมรสและได้จดทะเบียนหย่าแล้ว)
7. หญิงที่สามีตายหรือการสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอื่น จะทำการสมรสใหม่ได้ต่อเมื่อการสิ้นสุดแห่งการสมรสได้ผ่านพ้นไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่
· คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น
· สมรสกับคู่สมรสเดิม
· มีใบรับรองแพทย์แสดงว่ามิได้ตั้งครรภ์
· มีคำสั่งของศาลให้สมรสได้
กรณีคู่สมรสเป็นชาวกัมพูชา
1. หนังสือรับรองคุณสมบัติเหมาะสมหรือมีเสรีภาพในการสมรส ซึ่งออกโดยทางการกัมพูชา (หนังสือรับรองความเป็นโสด) ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษและรับรองโดยบริษัท Notary Public
2. บัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง
3. สำเนาทะเบียนบ้านหรือรายละเอียดที่อยู่
4. หนังสือให้ความยินยอม (กรณีผู้ร้องยังไม่บรรลุนิติภาวะและผู้มีอำนาจให้ความยินยอมไม่ได้มาด้วย)
5. ใบสำคัญการหย่า (กรณีเคยจดทะเบียนสมรสและได้จดทะเบียนหย่าแล้ว)
กรณีคู่สมรสมีสัญชาติอื่นที่ไม่ใช่กัมพูชา ต้องมีเอกสารเหมือนกรณีชาวกัมพูชาในข้อ 2-5
ในส่วนหนังสือรับรองความเป็นโสด ควรเป็นหนังสือซึ่งออกโดยทางการของประเทศที่ผู้ร้องมีสัญชาติและผ่านการรับรอง
-----------------------
การจดทะเบียนสมรสภายใต้กฎหมายกัมพูชา
คู่สมรสจะต้องยื่นขอให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ มีหนังสือนำถึงกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาเพื่อจดทะเบียนสมรสภายใต้กฎหมายกัมพูชา
เอกสารที่ใช้ประกอบการยื่นขอจดทะเบียนสมรส
คู่สมรสฝ่ายไทย
1. หนังสือรับรองความเป็นโสด (ออกให้โดยเขตหรืออำเภอ) ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษและได้รับการรับรองการแปลจากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ (ถนนแจ้งวัฒนะ) และรับรองอีกครั้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ
2. หนังสือรับรองความประพฤติ (ออกให้โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ซึ่งได้รับการรับรองลายเซ็นของเจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ (ถนนแจ้งวัฒนะ) และรับรองอีกครั้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ
3. หนังสือรับรองสุขภาพภาษาอังกฤษ (ออกให้โดยโรงพยาบาล)
4. หนังสือรับรองเงินเดือนภาษาอังกฤษ (ออกให้โดยบริษัทหรือหน่วยงานที่ทำงาน)
5. หนังสือเดินทาง ซึ่งได้รับการรับรองสำเนาจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ
6. สำเนาทะเบียนบ้าน
7. หนังสือให้ความยินยอม (กรณีผู้ร้องยังไม่บรรลุนิติภาวะและผู้มีอำนาจให้ความยินยอมไม่ได้มาด้วย)
8. ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (กรณีเคยเปลี่ยนชื่อ-สกุล)
9. สูติบัตรหรือทะเบียนบ้านของบุตร (กรณีมีบุตรด้วยกันมาก่อน)
10. ใบสำคัญการหย่า (กรณีเคยจดทะเบียนสมรสและได้จดทะเบียนหย่าแล้ว)
11. หญิงที่สามีตายหรือการสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอื่น จะทำการสมรสใหม่ได้ต่อเมื่อการสิ้นสุดแห่งการสมรสได้ผ่านพ้นไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่
· คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น
· สมรสกับคู่สมรสเดิม
· มีใบรับรองแพทย์แสดงว่ามิได้ตั้งครรภ์
· มีคำสั่งของศาลให้สมรสได้
คู่สมรสชาวกัมพูชา
1. หนังสือรับรองความประพฤติ ซึ่งออกโดยทางการกัมพูชา
2. หนังสือรับรองคุณสมบัติเหมาะสมหรือมีเสรีภาพในการสมรส ซึ่งออกโดยทางการกัมพูชา (หนังสือรับรองความเป็นโสด)
3. หนังสือรับรองสุขภาพ (ออกให้โดยโรงพยาบาล)
4. หนังสือรับรองเงินเดือน (ออกให้โดยบริษัทหรือหน่วยงานที่ทำงาน)
5. บัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทางหรือบัตรข้าราชการ
6. สำเนาทะเบียนบ้าน
7. หนังสือให้ความยินยอม (กรณีผู้ร้องยังไม่บรรลุนิติภาวะและผู้มีอำนาจให้ความยินยอมไม่ได้มาด้วย)
หมายเหตุ
1. กรุณาติดต่อขอรับทราบรายละเอียดเอกสารที่ใช้ประกอบการยื่นขอจดทะเบียนสมรสได้โดยตรงที่สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ไทยในต่างประเทศที่ผู้ร้องประสงค์ยื่นขอจดทะเบียนสมรส
2. นายทะเบียนสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ไทยสามารถจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไทยเฉพาะกรณีที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสัญชาติไทยเท่านั้น
3. ไม่มีค่าธรรมเนียมในการดำเนินการจดทะเบียนสมรส
4. ค่าธรรมเนียมในการรับรองเอกสารจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ คิดเป็น 15 ดอลลาร์สหรัฐต่อหนึ่งเอกสาร
5. ในวันที่จดทะเบียนสมรส คู่สมรสจะต้องนำพยาน (บุคคลที่รู้จัก สัญชาติใดก็ได้) มาด้วย 2 คน
เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์ 08.30–12.00 น. และ 13.30–16.30 น.