การตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยวพิเศษ (Special Tourist Visa: STV)
1. เงื่อนไขของการตรวจลงตราและผู้สมัครวีซ่า STV
- ผู้สมัครวีซ่า STV ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ จะต้องเป็นบุคคลสัญชาติกัมพูชาหรือบุคคลที่มีถิ่นพำนักถาวรในกัมพูชา รวมทั้งคู่สมรส (ไม่จำกัดอายุ) และบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย (อายุไม่เกิน 20 ปี) ซึ่งปัจจุบันพำนักอยู่ในกัมพูชาเท่านั้น
- ค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่า STV คือ 80 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับใช้เดินทางเข้าไทยได้ 1 ครั้ง โดยวีซ่า STV มีอายุการใช้งาน 3 เดือน เมื่อเดินทางเข้าไทยแล้ว ผู้ถือวีซ่า STV จะได้รับอนุญาตให้พำนักในไทยเป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ซึ่งสามารถขยายระยะเวลาพำนักได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 90 วัน (ไม่เกิน 30 กันยายน 2565)
- วีซ่า STV ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นวีซ่าประเภทอื่นระหว่างที่พำนักในไทยได้
- หากผู้ถือวีซ่า STV ถูกตรวจสอบพบในภายหลังว่าไม่มีคุณสมบัติ หลักฐานหรือพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะพิจารณาเพิกถอนการอนุญาตพำนักในไทย และกระทรวงการต่างประเทศจะนำชื่อใส่ไว้ในบัญชีรายชื่อผู้ที่ไม่มีสิทธิ์เดินทางเข้าราชอาณาจักรต่อไป
เอกสารที่ต้องใช้สำหรับการขอวีซ่า STV
- หนังสือเดินทางที่มีอายุไม่น้อยกว่า 12 เดือน
- แบบฟอร์มขอรับการตรวจลงตรา
- รูปถ่าย 4.5 ซม. x 3.5 ซม. ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน
- (สำหรับผู้ที่ไม่มีสัญชาติกัมพูชา) หลักฐานการมีถิ่นพำนักถาวรในกัมพูชา
- หลักฐานที่อยู่ในกัมพูชาในปัจจุบัน
- ประวัติอาชญากรรมที่มีอายุไม่เกิน 3 เดือน ออกโดยทางการกัมพูชาหรือประเทศที่ผู้ร้องถือสัญชาติ
- แบบฟอร์มยืนยันว่าไม่เป็นโรคต้องห้ามตามกฎกระทรวงฯ ออกตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 12 (4) (คลิก) ที่มีลายมือชื่อและตราประทับของแพทย์
- หลักฐานการมีกรมธรรม์ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุคุ้มครองตลอดระยะเวลาที่แสดงความประสงค์จะพำนักในไทย โดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัยสำหรับค่ารักษาพยาบาลในกรณีผู้ป่วยนอกไม่น้อยกว่า 40,000 บาท และในกรณีผู้ป่วยในไม่น้อยกว่า 400,000 บาท ทั้งนี้ สามารถซื้อประกันได้จาก http://longstay.tgia.org
- หลักฐานการชำระค่าที่พักเต็มจำนวนตลอดระยะเวลาที่แสดงความประสงค์จะพำนักในไทย ได้แก่ (1) โรงแรม ซึ่งต้องออกจากผู้ประกอบการโดยตรงและมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีแสดงไว้อย่างชัดเจน (2) หลักฐานการมีกรรมสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ในอาคารชุดพักอาศัยในไทย หรือ (3) หลักฐานการซื้อหรือเช่าซื้ออาคารชุดพักอาศัย ซึ่งได้ชำระค่าซื้อหรือค่าเช่าซื้อไปแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 ของมูลค่า
- ทะเบียนสมรส (สำหรับคู่สมรสของผู้ร้อง) หรือสูติบัตร (สำหรับบุตร)
********************